บทนำ
"การจะพัฒนาคนต้องพัฒนาที่จิตใจ" วลีดังกล่าวนี้เรามักคุ้นหูกันมากที่สุด นั่นก็หมายถึงว่า จิตใจ ถือเป็นแก่นสำคัญในงานด้านการพัฒนา จะ พัฒนาเจริญรุ่งเรืองมากแต่ถ้าจิตใจไม่มีพัฒนาการตามไปด้วยก็ไม่เกิดผล (เสื่อมทราม) การจะพัฒนาประเทศก็เช่นเดียวกัน จะมุ่งความเจริญเติบโตด้านใดด้านหนึ่งไม่ได้ จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องให้ความสำคัญรอบด้าน (หลายมิติ) และการจะให้ฝ่ายปฏิบัติสามารถนำแผนไปสู่การปฏิบัติได้อย่างเกิดผล ก็ ต้องมีการร่างแผนพัฒนาขึ้น ในอดีตเรียกแผนพัฒนาเศรษฐกิจแห่งชาติ เมื่อการพัฒนามุ่งเน้นเฉพาะระบบเศรษฐกิจเพียงอย่างเดียว เพียงเพื่อต้องการหนีออกจากคำว่า “ประเทศด้อยพัฒนา, ประเทศกำลังพัฒนา, ประเทศที่สาม” กลับพบว่าผู้คนในประเทศยิ่งจนลงเรื่อยๆ ปัญหาด้านสังคมกลับทวีความรุนแรงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ฝ่ายบริหารต้องมีการทบทวนบทบาทตนเองใหม่ เพิ่ม คำว่าสังคมเข้าไปด้วย ทำให้ได้คำใหม่ซึ่งฟังดูดีขึ้นคือ “แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ” ปัจจุบันกำลังเริ่มใช้แผนพัฒนาฯ ฉบับที่ ๑๑ (พ.ศ. ๒๕๕๕-๒๕๕๙) ช่วงภาวะเศรษฐกิจฟองสบู่ (พ.ศ.๒๕๔๐) ประเทศไทยประสบกับภาวะวิกฤตเศรษฐกิจตกต่ำ นอกจากนั้นประสบกับความไม่สมดุลที่เกิดจากการพัฒนาประเทศขาดความยั่งยืน เนื่องจากมุ่งการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจเพียงอย่างเดียว ขณะที่ด้านสังคมได้ประสบกับภาวะปัญหาต่างๆ และทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมมีความเสื่อมโทรมลง จึงมีการน้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ ซึ่งถือเป็นปรัชญาที่ชี้นำยุทธศาสตร์และนโยบายการพัฒนาประเทศที่มุ่งสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน และมั่นคงทุกภาคส่วน
"การจะพัฒนาคนต้องพัฒนาที่จิตใจ" วลีดังกล่าวนี้เรามักคุ้นหูกันมากที่สุด นั่นก็หมายถึงว่า จิตใจ ถือเป็นแก่นสำคัญในงานด้านการพัฒนา จะ พัฒนาเจริญรุ่งเรืองมากแต่ถ้าจิตใจไม่มีพัฒนาการตามไปด้วยก็ไม่เกิดผล (เสื่อมทราม) การจะพัฒนาประเทศก็เช่นเดียวกัน จะมุ่งความเจริญเติบโตด้านใดด้านหนึ่งไม่ได้ จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องให้ความสำคัญรอบด้าน (หลายมิติ) และการจะให้ฝ่ายปฏิบัติสามารถนำแผนไปสู่การปฏิบัติได้อย่างเกิดผล ก็ ต้องมีการร่างแผนพัฒนาขึ้น ในอดีตเรียกแผนพัฒนาเศรษฐกิจแห่งชาติ เมื่อการพัฒนามุ่งเน้นเฉพาะระบบเศรษฐกิจเพียงอย่างเดียว เพียงเพื่อต้องการหนีออกจากคำว่า “ประเทศด้อยพัฒนา, ประเทศกำลังพัฒนา, ประเทศที่สาม” กลับพบว่าผู้คนในประเทศยิ่งจนลงเรื่อยๆ ปัญหาด้านสังคมกลับทวีความรุนแรงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ฝ่ายบริหารต้องมีการทบทวนบทบาทตนเองใหม่ เพิ่ม คำว่าสังคมเข้าไปด้วย ทำให้ได้คำใหม่ซึ่งฟังดูดีขึ้นคือ “แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ” ปัจจุบันกำลังเริ่มใช้แผนพัฒนาฯ ฉบับที่ ๑๑ (พ.ศ. ๒๕๕๕-๒๕๕๙) ช่วงภาวะเศรษฐกิจฟองสบู่ (พ.ศ.๒๕๔๐) ประเทศไทยประสบกับภาวะวิกฤตเศรษฐกิจตกต่ำ นอกจากนั้นประสบกับความไม่สมดุลที่เกิดจากการพัฒนาประเทศขาดความยั่งยืน เนื่องจากมุ่งการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจเพียงอย่างเดียว ขณะที่ด้านสังคมได้ประสบกับภาวะปัญหาต่างๆ และทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมมีความเสื่อมโทรมลง จึงมีการน้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ ซึ่งถือเป็นปรัชญาที่ชี้นำยุทธศาสตร์และนโยบายการพัฒนาประเทศที่มุ่งสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน และมั่นคงทุกภาคส่วน
แผน
พัฒนาฯ ฉบับที่ ๑๑ (พ.ศ. ๒๕๕๕-๒๕๕๙)
ก็ยังคงไว้ซึ่งหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงเหมือนเดิมภายใต้หลัก
“คนคือศูนย์กลางการพัฒนา” โดยใช้หลักเศรษฐกิจเป็นเครื่องมือในการพัฒนาคน
(มนุษย์) ให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นนั่นเอง ซึ่งกระบวนการเรียนการสอนวิชา ทฤษฎีการพัฒนาประเทศอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ที่บรรยายโดย อ.ดร.วิเศษ ชินวงศ์ ได้ฝึกให้นักศึกษามีทักษะด้านการคิดวิเคราะห์ และสังเคราะห์ จากแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ ๑๑ ว่ามีสาระสำคัญอย่างไรตามประเด็นที่ได้กำหนดไว้ให้ ซึ่งสามารถนำเสนอตามประเด็นต่างๆ ได้ดังนี้
การเปลี่ยนแปลงระดับโลกและภายในประเทศไทย
การประเมินสถานการณ์ด้านต่างๆ ที่ประเทศกำลังเผชิญอยู่ในขณะนี้ ซึ่งอาจจะเรียกว่าเป็นวิธีการหา SWOT Analysis ก็ไม่ผิด เพื่อหาแนวทางว่าประเทศไทยมีจุดแข็ง-อ่อนอย่างไรบ้าง จากการประเมินสถานการณ์พบว่า
๑.๑ การเปลี่ยนแปลงในระดับโลกพบว่า
จากปัญหาวิกฤตด้านเศรษฐกิจและการเงินส่งผลให้หลายประเทศ หรือกลุ่มประเทศต่างๆ มีการปรับเปลี่ยนการบริหารจัดการด้านการค้า การลงทุน การเงิน สิ่ง
แวดล้อม และด้านสังคม ทั้งนี้
เพราะว่าปัจจัยเหล่านี้มีผลสืบเนื่องถึงกันอย่างเห็นได้ชัด
ทุกฝ่ายจึงให้ความสำคัญด้านหลักธรรมาภิบาล คือความโปร่งใส การแก้ปัญหาโลกร้อน ให้การคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญา และสร้างความร่วมมือระหว่างประเทศ กลุ่ม
ประเทศอุตสาหกรรมมีการปรับตัวเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจโลกแบบศูนย์กลางการผลิตที่
ใหญ่เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้กลุ่มประเทศของตน
และจากการคาดการณ์มีการมองว่าในอนาคตกลุ่มชนชั้นกลางของแต่ละประเทศจะเพิ่ม
จำนวนปริมาณมากขึ้น ก็เมื่อเป็นเช่นนี้ก็จะมีกำลังในการซื้อขายมากขึ้น เห็น
ได้จากในปัจจุบันมีการรวมกลุ่มทำสัญญาเสรีการค้าในหลายประเทศ
ซึ่งสถานการณ์เช่นนี้นับว่าเป็นผลกระทบอย่างมากสำหรับประเทศที่กำลังพัฒนา เพราะจำเป็นต้องมีการเร่งพัฒนาทรัพยากรมนุษย์และระบบการพัฒนาต่างๆ ภายในประเทศอย่างเร่งด่วน
ในช่วงแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ ๑๑ นี้ ประชากรผู้สูงอายุในโลกจะเพิ่มปริมาณขึ้นอีก ๘๑.๙ ล้านคน ส่งผลต่อภาคธุรกิจคือการสร้างงานต้องใช้ทักษะ ความชำนาญ ควบคู่กับเทคโนโลยี ขณะเดียวกันประเทศที่มีผู้สูงอายุมากก็จะเพิ่มรายจ่ายเป็นจำนวนมาก และที่สำคัญในสังคมจะมีความหลายหลายทางวัฒนธรรม สภาพภูมิอากาศโลกมีความแปรปรวน ในช่วง ๓๐ ปีที่ผ่านมา อุณหภูมิโลกเฉลี่ยสูงขึ้น ๐.๒ องศาเซลเซียสต่อศตวรรษ จากสภาพอากาศที่มีความแปรปรวนได้ก่อให้เกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติบ่อยครั้งและทวีความรุนแรง อาทิ แผ่นดินไหว ดินถล่ม ภูเขาไฟระเบิด อุทกภัย วาตภัย ภัยแล้ง ไฟป่า ระบบนิเวศในหลายพื้นที่ของโลกอ่อนแอ บาง
พื้นที่มีโรคระบาดมีแมลงศัตรูพืชสร้างความเสียหายแก่ผลผลิตทางการเกษตรและ
ธัญญาหารของโลก รวมทั้งกระทบต่อภาคสังคม คือปัญหาความยากจน การอพยพย้ายถิ่น และการแย่งชิงทรัพยากร ปัจจุบัน
กำลังการผลิตทางการเกษตรลดลงไม่เพียงพอต่อความต้องการ
หรือไม่ก็มีราคาที่สูงเกินไปซึ่งสืบเนื่องมาจากปัญหาการเปลี่ยนแปลงทางภูมิ
อากาศโลก เมื่อปัญหาทั้งหมดทั้งมวลที่กล่าวมาทวีความรุนแรงขึ้น มนุษย์
ก็เริ่มมองหาวิธีการที่จะมาแก้ไข
สิ่งที่ช่วยได้มากที่สุดในขณะนี้คือการพัฒนาเทคโนโลยี
ในปัจจุบันมีการนำเอาเทคโนโลยีเข้ามาใช้ในชีวิตประจำวันมาก
ซึ่งทั้งหมดนี้ก็ยังไม่สามารถตอบโจทย์หรือสนองความต้องการได้ทั้งหมด เพราะมันยังมีทั้งคุณและโทษ ที่สำคัญยิ่งมีการพัฒนาระบบสารสนเทศได้มากแค่ไหน ปัญหาการจารกรรมข้อมูลข่าวสารก็ย้อมมีมากขึ้นตามไปด้วย ในหลายประเทศมีปัญหาการก่อการร้ายในรูปแบบต่างๆ และมีความสลับซับซ้อนเพิ่มขีดความสามารถในระดับชาติ มีการช่วยเหลือจากประเทศต่างๆ ซึ่งส่งผลกระทบต่อความมั่งคงของประเทศ ประเทศ
ต่างๆ ต้องเร่งควบคุมปัจจัยที่หนุนการก่อการร้าย
ต้องทั้งต้องมีการสร้างความร่วมมือในเวทีระหว่างประเทศเพื่อปกป้องผล
ประโยชน์ของชาติจากภัยเหล่านี้
๑.๒ ความเปลี่ยนแปลงภายในประเทศ การ
เปลี่ยนแปลงภายในประเทศมีอยู่ ๔ หลักใหญ่ๆ คือ
การเปลี่ยนแปลงสภาวะด้านเศรษฐกิจ
ประเทศไทยมีอัตราการขยายตัวและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจอยู่ในเกณฑ์ดี
ภาคอุตสาหกรรมมีบทบาทในการผลิตสูง
ภาคการเกษตรเป็นแหล่งสร้างรายได้หลักของประชาชนและเป็นฐานการสร้างมูลค่า
เพิ่ม ด้านสังคมนั้น
ประเทศไทยมีก้าวสู่สังคมผู้สูงอายุเพิ่มขึ้น วัยเด็กและวัยแรงงานลดลง
ด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
ทรัพยากรเสื่อมโทรมส่งผลซ้ำเติมให้ปัญหาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
รุนแรง ด้านการบริหารจัดการพัฒนาประเทศ
ปัจจุบันประชาชนมีความตื่นตัวทางการเมืองสูงขึ้น (อาจมาจากการสร้างแส)
แต่ปัญหาความขัดแย้งยังคงอยู่ ส่งผลต่อระบบเศรษฐกิจและการดำรงชีพของประชาชน
ภาครัฐมีประสิทธิภาพแต่ก็ยังไม่สามารถป้องกันการทุจริตคอร์รัปชั่น
ซึ่งเป็นปัญหาสำคัญของไทยและการพัฒนาประเทศ
ความเสี่ยงของสังคมไทย
ดังที่ได้กล่าวมาแล้วว่า ประเทศ
ไทยถ้าจะพัฒนาประเทศก้าวเข้าสู่เวทีโลก
หรือแม้ที่กำลังเป็นกระแสอยู่ในขณะนี้ คือประชาคมอาเซียน
ซึ่งมีประเทศสมาชิกในกลุ่มอุษาคเณย์เข้าร่วม
จำเป็นอย่างยิ่งที่ประเทศไทยต้องมีการประเมินสถานการณ์ของตนเอง
ซึ่งจากประเด็นดังกล่าวนี้ ประเทศไทยต้องเผชิญ
คือพร้อมที่เผชิญกับการเปลี่ยนแปลงอย่างมีประสิทธิภาพ คือ
๑.
การบริหารภาครัฐที่อ่อนแอไม่สามารถขับเคลื่อนการบริหารได้อย่างเต็มขีดความ
สามารถ และอำนาจรัฐถูกใช้เพื่อผลประโยชน์ของคนบางกลุ่ม
ประชาชนมีส่วนร่วมในการกำหนดนโยบายสาธารณะน้อย
๒. โครง
สร้างทางเศรษฐกิจไม่สามารถรองรับการเจริญเติบโตอย่างยั่งยืน
ตราบใดที่ระบบเศรษฐกิจของไทยยังคงพึ่งพากลไกเศรษฐกิจโลก
หรือการนำเข้าจากต่างประเทศมากเท่าไหร่ ระบบเศรษฐกิจภายในประเทศก็ยิ่งมีความผันผวนอยู่เสมอ ประชาชนของประเทศส่วนใหญ่ยังคงอยู่ในระดับฐานราก
๓.
โครงสร้างประชากรที่มีวัยสูงอายุเพิ่มขึ้น
ขณะที่ประชากรวัยเด็กและวัยแรงงานลดลง ปี พ.ศ. ๒๕๖๘
คาดการณ์ว่าประเทศไทยจะกลายเป็นประเทศสังคมผู้สูงอายุอย่างสมบูรณ์ การ
แข่งขันเพื่อแย่งชิงกำลังแรงงานจะเกิดขึ้น ในปัจจุบันงานก่อสร้างตาม ๓
จังหวัดชายแดนอีสานตอนล่าง
เริ่มมีกลุ่มแรงงานจากประเทศเพื่อนบ้านเข้ามาขายแรงงานกันมากขึ้น
๔. ค่านิยมที่ดีงานเสื่อมถอยและประเพณีดั้งเดิมถูกบิดเบือน เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงภายใต้กระแสโลกาภิวัฒน์ ส่งผลให้สังคมไทยเป็นสังคมวัตถุนิยม (คนที่พูดประเด็นนี้กลับเป็นผู้นำกระแสโลกาภิวัตน์เสียเอง แต่ผู้ที่เขาอยู่กับประเพณีนิยม ความเป็นท้องถิ่น กลับมองว่าล้าสมัย อนุรักษ์นิยม หัวโบราณ)
๕.
ฐานทรัพยากรธรรมชาติและสภาพแวดล้อมของประเทศมีแนวโน้มเสื่อมโทรมรุนแรง
เนื่องจากปัจจัยความจำเป็นพื้นฐานของคนในสังคม ผนวกกับปัญหาภัยธรรมชาติ
และความแปรปรวนของสภาพภูมิอากาศ
แต่ก็ไม่ร้ายแรงเท่าการสร้างชุมชนในเขตบริเวณที่เป็นแหล่งทรัพยากรธรรมชาติ
คนรากฐานก็ต้องการที่ทำกิน เพื่อทำการเกษตร ส่วนคนชั้นกลางขึ้นไปต้องการสร้างระบบเศรษฐกิจการท่องเที่ยว บ้านเช่า โรงแรม ทำทุกวิถีทางเพื่อให้สามารถเข้าถึงพื้นที่ให้ได้
๖. ประเทศไทยยังคงมีความเสี่ยงด้านความมั่นคง ความเสี่ยงด้านนี้ถือเป็นปัญหาเชิงโครงสร้างที่ยากจะแก้ไข แต่ก็ไม่เกินความสามารถถ้าทุกฝ่ายช่วยกัน เพื่อผลประโยชน์ของชาติอย่างแท้จริง
ซึ่งจากปัญหาความเสี่ยงที่ประเทศกำลังประสบอยู่และจะประสบในอนาคตเมื่อประเทศก้าวเข้าสู่เวทีโลก ดังนั้นประเทศต้องสร้างภูมิคุ้มกันให้ตนเอง ซึ่งในแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ ๑๑ นี้ กำหนดไว้ ๕ ประเด็นด้วยกันคือ
๑.
ประเทศไทยจะต้องมีการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็น
ประมุขของประเทศชาติเท่านั้น
ซึ่งสถาบันที่คอยเชื่อมโยงทักทอเส้นใยให้คนในชาติมีความกลมเกลียวกัน
๒.
การพัฒนาประเทศจำเป็นต้องให้อยู่บนฐานความรู้และเทคโนโลยีที่ทันสมัย
สิ่งเหล่านี้จะปฏิเสธเลยทีเดียวไม่ได้
แต่ทำอย่างไรจึงจะสามารถปรับประสานให้สอดคล้องกับวัฒนธรรมในท้องถิ่นของตน
ให้ได้
๓.
สังคมไทยมีค่านิยมและวัฒนธรรมที่ดีงาม อัตลักษณ์ความเป็นไทยดีอยู่แล้ว
แต่ตัวแปรที่สำคัญที่สามารถส่งผลให้คนในสังคมมีการเปลี่ยนแปลงได้
นั่นคือศาสนา ศาสนาที่คนไทยรู้จักและคุ้นเคยมากที่สุด คือพระพุทธศาสนา
๔.
ภาคการเกษตรเป็นฐานรากได้หลักและความมั่นคงด้านอาหารของประเทศ
แหล่งพลังงานที่ใหญ่ที่สุดของประเทศไทยคือ ภาคการเกษตร
เป็นแหล่งสร้างรายได้อย่างยั่งยืนให้กับคนในสังคมได้เป็นอย่างดี
๕.
ชุมชนท้องถิ่นเป็นกลไกที่มีความสามารถในการบริหารจัดการ
มีส่วนร่วมในการพัฒนาคุณภาพชีวิตและเชื่อมโยงกันเป็นสังคมสวัสดิการ
ในท้องถิ่นมีทุกอย่าง แต่แนะนำให้ทุกคนรู้จักนำมาใช้ ให้เหมาะสม
ทิศทางการพัฒนาประเทศ
การ
พัฒนาประเทศไทยระยะแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ ๑๑
ตระหนักถึงสถานการณ์และความเสี่ยงซึ่งเกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงในระดับโลก
และภายในประเทศ โดยเฉพาะด้านความผันผวนทางเศรษฐกิจ พลังงาน และภูมิอากาศ
ภายใต้หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
โดยให้ความสำคัญด้านการพัฒนาระบบเศรษฐกิจภาคการเกษตร
พร้อมก้าวสู่ประชาคมอาเซียนในปี ๒๕๕๘ ที่มีความพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน
ดัง
นั้น กล่าวได้ว่าทิศทางการพัฒนาประเทศในแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ ๑๑
คือการสร้างภูมิคุ้มกันในมิติต่าง ๆ
เพื่อให้การพัฒนาประเทศมีความสมดุลและยั่งยืน โดยมีการนำทุนด้านต่างๆ
ที่ประเทศมีอยู่มาใช้ประโยชน์อย่างบูรณาการและเกื้อกูลกัน
พร้อมทั้งเสริมสร้างให้แข็งแกร่งเพื่อเป็นรากฐานการพัฒนาประเทศ
คือพัฒนาคนและสังคมไทยสู่สังคมคุณภาพ
วิสัยทัศน์ พันธกิจ วัตถุประสงค์และเป้าหมายการพัฒนาประเทศ
“คน
ไทยภาคภูมิใจในความเป็นไทย มีมิตรไมตรีบนวิถีชีวิตแห่งความพอเพียง
ยึดมั่นในวัฒนธรรมประชาธิปไตย และหลักธรรมาภิบาล
การบริการสาธารณะขั้นพื้นฐานที่ทั่วถึง มีคุณภาพ
สังคมมีความปลอดภัยและมั่นคง อยู่ในสภาวะแวดล้อมที่ดี
เกื้อกูลและเอื้ออาทรซึ่งกันและกัน
ระบบการผลิตเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมีความมั่นคงด้านอาหารและพลังงาน
อยู่บนฐานทางเศรษฐกิจที่พึ่งตนเองและแข่งขันได้ในเวทีโลก
สามารถอยู่ในประชาคมภูมิภาคและโลกได้อย่างมีศักดิ์ศรี”
นี่คือกรอบทิศทางการพัฒนาประเทศระยะกลางที่มุ่งสู่วิสัยทัศน์ระยะยาวของแผน
พัฒนาฯ ฉบับที่ ๑๑
วิสัยทัศน์
“สังคมอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข ด้วยความเสมอภาค เป็นธรรม และมีภูมิคุ้มกันต่อการเปลี่ยนแปลง”
พันธกิจ
๑. สร้างสังคมเป็นธรรมและเป็นสังคมที่มีคุณภาพ ทุกคนมีความมั่งคงในชีวิต ได้รับการคุ้มครองทางสังคมที่มีคุณภาพอย่างทั่วถึงและเท่าเทียม มีโอกาสเข้าถึงทรัพยากรและกระบวนการยุติธรรมอย่างเสมอภาค ทุกภาคส่วนได้รับการเสริมพลังให้สามารถมีส่วนร่วมในกระบวนการพัฒนา ภายใต้ระบบบริหารจัดการภาครัฐที่โปร่งใส เป็นธรรม
๒. พัฒนาคุณภาพคนไทยให้มีคุณธรรม เรียนรู้ตลอดชีวิต มีทักษะและการดำรงชีวิตอย่างเหมาะสมในแต่ละช่วงวัย สถาบันทางสังคมและชุมชนท้องถิ่นมีความเข้มแข็ง สามารถปรับตัวรู้เท่าทันกับกาดรเปลี่ยนแปลง
๓. พัฒนาฐานการผลิตและบริการให้เข้มแข็งและมีคุณภาพบนฐานความรู้ ความคิดสร้างสรรค์ และภูมิปัญญา สร้างความมั่นคงด้านอาหารและพลังงาน ปรับโครงสร้างการผลิตและการบริโภคให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม พร้อมสร้างความเชื่อมโยงกับประเทศในภูมิภาคเพื่อความมั่งคงทางเศรษฐกิจและสังคม
๔.
สร้างความมั่งคงของฐานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
สนับสนุนการมีส่วนร่วมของชุมชน
รวมทั้งสร้างภูมิคุ้มกันเพื่อรองรับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
และภัยพิบัติทางธรรมชาติ
วัตถุประสงค์
๑. เพื่อเสริมสร้างสังคมที่เป็นธรรมและเป็นสังคมสันติสุข
๒.
เพื่อพัฒนาคนไทยทุกกลุ่มวัยอย่างเป็นองค์รวมทั้งทางกาย ใจ สิตปัญญา อารมณ์
คุณธรรม จริยธรรม และสถาบันทางสังคมมีบทบาทหลักในการพัฒนาคนให้มีคุณภาพ
๓. เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจให้เติบโตอย่างมีเสถียรภาพ คุณภาพ และยั่งยืน มีความเชื่อมโยงเครือข่ายการผลิตสินค้าและบริการบนฐานปัญญา นวัตกรรม และความคิดสร้างสรรค์ในภูมิภาคอาเซียน มีความมั่นคงทางอาหารและพลังงาน การผลิตและการบริโภคเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม นำไปสู่การเป็นสังคมคาร์บอนต่ำ
๔. เพื่ออบริหารจัดการทรัพยากรธรรมและสิ่งแวดล้อมให้เพียงพอต่อการรักษาสมดุลของระบบนิเวศ และเป็นฐานที่มั่นคงของการพัฒนาประเทศ
เป้าหมาย
๑. ความอยู่เย็นเป็นสุขและความสงบสุขของสังคมไทยเพิ่มขึ้น ความเหลื่อมล้ำในสังคมลดลง สัดส่วนผู้อยู่ใต้เส้นความยากจนลดลง และดัชนีภาพลักษณ์การคอร์รัปชั่นไม่ต่ำกว่า ๕.๐ คะแนน
๒. คนไทยมีการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง มีสุขภาวะดีขึ้น มีคุณธรรม จริยธรรม และสถาบันทางสังคมมีความเข้มแข็งมากขึ้น
๓. เศรษฐกิจเติบโตในอัตราที่เหมาะสมตามศักยภาพของประเทศ ให้
ความสำคัญกับการเพิ่มผลิตภาพรวมไม่ต่ำกว่าร้อยละ ๓.๐ ต่อปี
เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันทางเศรษฐกิจของประเทศเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์
ของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ
ให้มีไม่ต่ำกว่าร้อยละ ๔๐.๐
๔.
คุณภาพสิ่งแวดล้อมอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน
เพิ่มประสิทธิภาพการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
รวมทั้งเพิ่มพื้นที่ป่าไม้เพื่อรักษาสมดุลของระบบนิเวศ
ยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศ
ยุทธศาสตร์
การพัฒนาประเทศในแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ ๑๑
นี้มุ่งสร้างภูมิคุ้มกันเพื่อป้องกันปัจจัยเสี่ยง
และเสริมรากฐานของประเทศด้านต่างๆ
ให้เข้มแข็งควบคู่กับการพัฒนาคนและสังคมให้มีคุณภาพเข้าถึงทรัพยากรและได้
รับประโยชน์จากแผนพัฒนาฯ ฉบับนี้อย่างเป็นธรรม
อันจะนำไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนต่อไป ซึ่งมียุทธศาสตร์การพัฒนาทั้งหมด ๖
ยุทธศาสตร์ และมีกลยุทธ์ย่อยไปอีก ดังนี้
๑. ยุทธศาสตร์สร้างความเป็นธรรมในสังคม ซึ่งให้ความสำคัญกับประเด็นเหล่านี้คือ
๑.๑ การ
สร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจและสังคมให้ทุกคนในสังคมไทยควบคู่กับการเสริม
สร้างขีดความสามารถในการจัดการความเสี่ยงและสร้างโอกาสในชีวิตให้แก่ตนเอง
๑.๒ การจัดบริการทางสังคมให้ทุกคนตามสิทธิขั้นพื้นฐาน เน้นการสร้างภูมิคุ้มกันระดับปัจเจก และสร้างการมีส่วนร่วมในกระบวนการตัดสินใจในการพัฒนาประเทศ
๑.๓ การ
เสริมสร้างพลังให้ทุกภาคส่วนสามารถเพิ่มทางเลือกการใช้ชีวิตในสังคมและมี
ส่วนร่วมในเชิงเศรษฐกิจ สังคม และการเมืองได้อย่างมีคุณค่าและศักดิ์ศรี
๑.๔ การสานสร้างความสัมพันธ์ของคนในสังคมให้มีคุณค่าร่วมและตระหนักถึงผลประโยชน์ของสังคม และเสริมสร้างการบริหารราชการแผ่นดินที่มีประสิทธิภาพ
๒. ยุทธศาสตร์การพัฒนาคนสู่สังคมแห่งการเรียนรู้ตลอดชีวิตอย่างยั่งยืน โดยให้ความสำคัญกับประเด็นเหล่านี้ คือ
๒.๑ การปรับโครงสร้างและการกระจายตัวประชากรให้เหมาะสม
๒.๒ การพัฒนาคุณภาพคนไทยให้มีภูมิคุ้มกันต่อการเปลี่ยนแปลง
๒.๓ การส่งเสริมการลดปัจจัยเสี่ยงด้านสุขภาพอย่างเป็นองค์รวม
๒.๔ การส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต
๒.๕ การเสริมสร้างความเข้มแข็งของสถาบันทางสังคม
๓. ยุทธศาสตร์ความเข้มแข็งภาคเกษตร ความมั่นคงของอาหารและพลังงาน โดยให้ความสำคัญกับประเด็นเหล่านี้ คือ
๓.๑ การพัฒนาทรัพยากรธรรมชาติที่เป็นฐานการผลิตภาคเกษตรให้เข้มแข็งและยั่งยืน
๓.๒ การเพิ่มประสิทธิภาพและศักยภาพการผลิตภาคเกษตร
๓.๓ การสร้างมูลค่าเพิ่มผลผลิตทางการเกษตรตลอดห่วงโซ่การผลิต
๓.๔ การสร้างความมั่นคงในอาชีพและรายได้ให้แก่เกษตรกร
๓.๕ การสร้างความมั่นคงด้านอาหารและพัฒนาพลังงานชีวภาพในระดับครัวเรือนและชุมชน
๓.๖ การสร้างความมันคงด้านพลังงานชีวภาพเพื่อสนับสนุนการพัฒนาประเทศและความเข้มแข็งภาคเกษตร
๓.๗ การปรับระบบบริหารจัดการภาครัฐเพื่อเสริมสร้างความมั่นคงด้านอาหารและพลังงาน
๔. ยุทธศาสตร์การปรับโครงสร้างเศรษฐกิจสู่การเติบโตอย่างมีคุณภาพและยั่งยืน โดยให้ความสำคัญกับประเด็นเหล่านี้ คือ
๔.๑ การปรับโครงสร้างเศรษฐกิจสู่การพัฒนาที่มีคุณภาพและยั่งยืน
๔.๒ การพัฒนาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิจัย และนวัตกรรม
๔.๓ การพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันที่มีประสิทธิภาพ เท่าเทียม และเป็นธรรม
๔.๔ การบริหารจัดการเศรษฐกิจส่วนรวมอย่างมีเสถียรภาพ
๕. ยุทธศาสตร์การสร้างความเชื่อมโยงกับประเทศในภูมิภาคเพื่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจและสังคม โดยให้ความสำคัญกับประเด็นเหล่านี้ คือ
๕.๑ การพัฒนาความเชื่อมโยงด้านการขนส่งและระบบโลจิสติกส์ภายใต้กรอบความร่วมมือในอนุภูมิภาคต่างๆ
๕.๒ การพัฒนาฐานลงทุนโดยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันระดับอนุภูมิภาค
๕.๓ การสร้างความพร้อมในการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน
๕.๔ การ
เข้าร่วมเป็นภาคีความร่วมมือระหว่างประเทศและภูมิภาคภายใต้บทบาทที่สร้าง
สรรค์ เป็นทางเลือกในการดำเนินนโยบายระหว่างประเทศในเวทีโลก
๕.๕ การสร้างความเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจในภูมิภาคด้านการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์การเคลื่อนย้ายแรงงาน และการส่งเสริมแรงงานไทยในต่างประเทศ
๕.๖ การมีส่วนร่วมอย่างสำคัญในการสร้างสังคมนานาชาติที่มีคุณภาพชีวิต ป้องกันภัยจากการก่อการร้ายและอาชญากรรม ยาเสพติด ภัยพิบัติ และการแพร่ระบาดของโรคภัย
๕.๗ การเสริมสร้างความร่วมมือที่ดีระหว่างประเทศในการสนับสนุนการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างมีจริยธรรมและไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม พร้อมทั้งเปิดรับความร่วมมือกับองค์กรระหว่างประเทศที่ไม่แสวงหากำไร
๕.๘ การเร่งรัดการใช้ประโยชน์จากข้อตกลงการค้าเสรีที่มีผลบังคับใช้แล้ว
๕.๙ การส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นฐานการลงทุน และการประกอบธุรกิจในเอเชีย รวมทั้งเป็นฐานความร่วมมือในการพัฒนาภูมิภาค
๕.๑๐ การปรับปรุงและเสริมสร้างความเข้มแข็งของภาคีการพัฒนาภายในประเทศตั้งแต่ระดับชุมชนท้องถิ่น
๖. ยุทธศาสตร์
การจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน
โดยให้ความสำคัญกับประเด็นเหล่านี้ คือโดยให้ความสำคัญกับประเด็นเหล่านี้
คือ
๖.๑ การอนุรักษ์ ฟื้นฟู และสร้างความมั่นคงของฐานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
๖.๒ การปรับกระบวนทัศน์การพัฒนาและขับเคลื่อนประเทศเพื่อเตรียมพร้อมไปสู่การเป็นเศรษฐกิจและสังคมคาร์บอนต่ำและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
๖.๓ การยกระดับขีดความสามารถในการรองรับและปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เพื่อให้สังคมมีภูมิคุ้มกัน
๖.๔ การเตรียมความพร้อมรองรับการภัยพิบัติทางธรรมชาติ
๖.๕ การสร้างภูมิคุ้มกันด้านการค้าจากเงื่อนไขด้านสิ่งแวดล้อมและวิกฤตจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
๖.๖ การเพิ่มบทบาทประเทศไทยในเวทีประชาคมโลกที่เกี่ยวข้องกับกรอบความตกลงและพันธกรณีด้านสิ่งแวดล้อมระหว่างประเทศ
๖.๗ การควบคุมและลดมลพิษ
๖.๘ การพัฒนาระบบการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมให้มีประสิทธิภาพ โปร่งใสและเป็นธรรมอย่างบูรณาการ
ประเด็นที่ต้องการพัฒนาสู่การจัดทำวิทยานิพนธ์ (Dissertation)
จาก
การศึกษาสรุปสาระการเรียนรู้จากแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ ๑๑
ผู้เรียนมีประเด็นที่สนใจในการนำไปพัฒนาสู่การจัดทำดุษฎีนิพนธ์ต่อไปใน
ประเด็น การเมืองภาคประชาชน โดยนำหลักธรรมทางพระพุทธศาสนาเข้ามาปรับใช้ ซึ่งสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ด้านการสร้างความเชื่อมโยงกับประเทศในภูมิภาคเพื่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจและสังคม ที่ให้ความสำคัญกับการเข้าร่วมเป็นภาคีความร่วมมือระหว่างประเทศและภูมิภาคภายใต้บทบาทที่สร้างสรรค์ เป็นทางเลือกในการดำเนินนโยบายระหว่างประเทศในเวทีโลก
ประเด็นที่สนใจ คือ รูปแบบวิถีประชาธิปไตยตามหลักอปริหานิยธรรม ของผู้บริหารสถานศึกษาและบุคลากรทางการศึกษาในโรงเรียนกลุ่มชาติพันธุ์ไทย-เขมร
พระมหาเฉลิมเกียรติ แก้วหอม. พธ.ธ.(การเมืองการปกครอง), ศศ.ม. (ยุทธศาสตร์การพัฒนา)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น